รีวีววิธีดูแลแผลฟกช้ำ

รีวีววิธีดูแลแผลฟกช้ำ

 เคย มั้ยที่อยู่ๆ แขนก็เขียว โดยไม่รู้ตัว แล้วเคย มั้ยที่เดินไปชนโต๊ะ

 นอกจากจะเขียวแล้วยังปวดไปอีกหลายวัน

ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุแล้ว มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

 แม้ในเวลาที่เราระวังตัวที่สุดก็ตาม

 เคยสงสัยมั้ยคะว่า เวลาที่ร่างกายไปกระทบ กระแทกกับสิ่งของ

 จนเกิดแผลฟกช้ำ ไม่ว่าจะเป็นที่

 แขน ขน เข่า น่อง ต้นขน บลาๆๆ ทำไมถึงผิวถึงเปลียนสี

 และบวม เจ็บปวดอะไรเบอร์นั้น

 นั่นก็เพราะว่า ใต้ผิวหนังเรามีเส้นเลือดฝอยระโยงระยางอยู่เต็มทั่วทุกที่

 เวลาเราเดินไปกระแทกกับอะไรบางอย่างแรงๆ ก็จะทำให้เนื้อเยื่ออ่อน หลอดเลือดดำ หรือเส้นเลือดฝอยได้รับการบาดเจ็บจนเลือดซึมออกมาใต้ผิวหนัง จนทำให้เกิดเป็นรอยเขียวช้ำ ยิ่งถ้าคนผิวบอบบาง ก็ยิ่งเห็นรอยช้ำง่าย

ล่าสุดเรา โดนมากับตัวเอง คือไปเที่ยวให้หญ้าให้นมแกะ

 ใครจะคิดว่าชีวิตนี้จะโดนแกะวิ่งชน จนขนลอย  ทันทีที่โดนวิ่งเข้าชนอย่างจัง

 อาการปวดก็มาทันที เดินแล้ว รู้สึกได้เลยว่า

 ไม่ได้โดนชนเล่นๆแน่ เดินแล้วตึงๆที่ขา

 พอกลับไปถึงบ้าน สิ่งที่เห็นคือ ขาข้างที่โดนวิ่งชน

 ตรงบริเวณที่โดนเขาอันน้อยนิดของแกะ

 ปูดบวมเป็นลูกมะนาว สังเกตเห็นผิวโดยรอบเริ่มแดงช้ำเขียว เป็นจ้ำๆขึ้น

 แต่ไม่คิดว่า มันจะรุนแรงถึงขนาดเดินไม่ไหวและมีไข้ในวันรุ่งขึ้น

ตื่นเช้ามาก็พบว่า...

และด้วยความคิดไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นแผลฟกช้ำ เราจึงปล่อยไว้โดยไม่รีบหาวิธีหยุดไม่ให้มันบวม

 (เราเป็นคนบอบบาง ซุ่มซ่ามเดินไม่ค่อยระวัง555 เดินชนสิ่งของบ่อย)

และทุกครั้งที่แขนขาเขียว ก็จะคิดว่า ร่างกายของคนเราจะมี กระบวนการรักษาตัวเองตามธรรมชาติ เพื่อบรรเทารอยช้ำให้หายได้เองอยู่แล้ว เดี๋ยวเลือดก็จะค่อยๆละลายและสีเข้มๆจะค่อยๆจางเลือนหายไปเอง เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลานิดนึง

 แต่ไม่ทันไร ความปวด เคล็ดขัดยอกก็ทวีขึ้น แถมเป็นไข้อีกต่างหาก  

 การปวดบวมจากการฟกช้ำคราวนี้ หนักจริงๆ เรียกได้ว่าปวดลงน่อง เดินไม่ไหวเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตมากๆ

 อย่างจะลุกนั่ง เดินเหิน ก็เกิดอาการ เคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อย ทำให้การขยับร่างกายเป็นไป

 ด้วยความไม่สะดวก  ลำบากคนข้างๆอีก

 (รู้สึกรำคาญตัวเอง  อ่อนแอเกินควร 5555)

 และด้วยความที่อยากหายเร็วๆ  เราเลยลองหาวิธีดูแลแผลฟกช้ำในอินเตอร์เน็ต

 หาดูทั้งหลักการ ความน่าจะเป็น และบรรดาผลิตภัณฑ์ที่เขาว่าใช้ดีกัน  ทั้งวิธีประคบ  และหา ตัวยาแก้ฟกช้ำ มาทดลอง

ซึ่งหลังจากที่เราลองด้วยตัวเอง ก็ได้ผลเร็วกว่าที่คิดไว้จริงๆ   แผลฟกช้ำ เราเป็นหายเกือบเป็นปกติภายในระยะเวลา6-7วัน

 (โดยปกติแผลฟกช้ำเล็กน้อย เบาๆ ร่างกายจะรักษาเองได้ภายในระยะเวลา4-5วันก็จะค่อยๆจางเป็นสีน้ำตาลแล้วหายเป็นปกติโดยไม่ใช้การประคบและทายาช่วย)

 (เอาตามที่เคยสังเกต เพราะเป็นบ่อย)

แต่การฟกช้ำครั้งนี้ ถ้าระดับความรุนแรงคือ1-10 เรา ให้คะแนนที่7 เพราะขาปูด เขียวช้ำเป็นบริเวณกว้าง เป็นไข้ เดินไม่ไหว คือถ้าเป็นที่หัวคาดว่าต้องมีเอ็กซ์เรย์สมองกันแน่ๆ แต่เราสามารถดูแลให้หายเกือบปกติภายในระยะเวลา1อาทิตย์ ก็ถือว่า ได้ผลเร็วจริงๆ

เอารูปมาให้เปรียบเทียบดู อยู่ด้านล่าง

 มาถึงขั้นตอนที่เราอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตและจะทำตาม ก็คือ

1.   “แผลฟกช้ำแนะนำให้ดูแลตั้งแต่เริ่มเป็น  ไม่ต้องรอให้บวม หรือเห็นรอยช้ำโดยการประคบเย็นด้วยน้ำแข็งห่อด้วยผ้า การประคบเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว การไหลซึมของเลือดในบริเวณทที่เป็นจะน้อยลง และช่วยลดการอักเสบด้วย งดการบีบนวด การคลึงและยาทนวดที่มีความร้อน หากมีอาการเป็นไข้ เจ็บปวด ก็สามารถทานยาแก้ปวกร่วมด้วยได้”

2.   “หลังจากประคบเย็น 24ชั่วโมง ถึง 48ชั่วโมงแล้ว ช่วงนี้ให้เปลี่ยนมาเป็นประคบอุ่น หรือสามารถใช้ยาภายนอกที่มีความร้อนในทาเบาๆได้หากต้องการให้อาการฟกช้ำหายเร็วขึ้น

 แต่หลังจากที่หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เราก็พบว่า..

 เราปล่อยให้เขียวขนาดนี้บวมขนาดนี้ ปล่อยผ่านมา1วันคงไม่ทันแล้วเรื่องประคบเย็น  ก็เลย ข้ามขั้นตอน1ไปและเริ่มทดลองใน ขั้นตอนที่2เลย

 เราเลือกที่จะประคบอุ่นด้วย cold pack เจลประคบร้อนเย็น ที่สามารถนำเข้าไมรโคเวฟ ทำเป็นเจลร้อน และเข้าช่องฟีสแช่แข็งเพื่อทำเป็น เจลเย็น

                                    (ยืมภาพมาจากอินเตอร์เน็ต ขอบคุณค่ะ)

จริงๆแล้วเขาควรจะแช่น้ำร้อน หากทำเป็นเจลร้อน แต่ด้วยความใจร้อนเลยเอาเข้าไมรโคเวฟ

 ซึ่งถ้าใครทำตาม ต้องเฝ้าระวังอุณภูมิความร้อนและระยะเวลาในการเวฟอย่างเหมาะสม

 และอย่าปล่อยให้เด็กทำเอง เพราะถ้ามันร้อนมากๆเจลจะขยายตัวและเกิดระเบิดตัวออกมา ไมรโคเวฟเละ และถ้ากระเด็นโดนตัว อาจเกิดเป็นแผลพุพองได้

ส่วนตัวยาแก้ปวด ยาลดไข้ เราใช้ยาสามัญทั่วไป ก็คือ

 พาราเซตามอล กินแค่เฉพาะวันที่ปวดมากๆและเป็นไข้เท่านั้น  เพราะเราคิดว่า ถ้าปวดก็ใช้ยาแก้ปวดนวดเอา

 ไม่อยากกินยามากหากไม่จำเป็น

 และยานวดแก้บรรเทาอาการปวด ฟกช้ำ เราเลือกเป็นตัวนี้

ทำไมเราถึงเลือกตัวนี้ ก็เพราะ...ส่วนประกอบตัวยา

 จากที่อ่านส่วนประกอบ ยานวดตัวนี้ มีตัวยา ที่ได้มาจาก  herbal Complex , Rice Bran oil , Hyaluronic Acid  เป็นสารสกัดที่ได้จากพืช  ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้

 และที่ต่างจากยานวดทั่วไป

 และสะดุดตาจนทำให้อยากลอง ก็คือ  

 สามารถใช้เต็มความชุ่มชื้นแก่ข้อเข่ากรณีที่ปวดในข้อเข่า

 สำหรับคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม

 “ส่วนประกอบทั้งหมดใช้ NANO TECHNOLOGY 100% ในการผลิต

เราก็เลยคิดว่า คุณสมบัติหลากหลายดีจัง แล้วยิ่งเป็นนาโนด้วย การดูดซึมและการแก้อาการปวดบวมน่าจะเห็นผลชัดเจน และเร็วขึ้น

 ครั้งแรกที่ใช้ ถ้าเทียบกับ ยานวดแกฟกช้ำทั่วไป

 คือ กลิ่นสมุนไพรบางเบา เนื้อครีมซึมเร็วจริงๆไม่ทิ้งความเหนอะหนะทากี่ครั้งก็ไม่ทิ้งคราบเลอะ

 ส่วนระดับความแสบร้อนไม่มีให้รู้สึก พอตัวครีมซึมเข้าร่างปุ๊บ

 ก็จะรู้สึกอุ่นๆ แล้วกลิ่นก็จางหายไปไม่ติดนาน

 หากใครเป็นคนที่ไม่ชอบกลิ่นยาหม่อง และไม่ชอบความเหนอะหนะจากครีมทั่วไป ตัวนี้น่าจะเหมาะมากๆ

 เราเป็นคนไม่ชอบกลิ่นยาหม่อง ยาหม่องเวลาทา แล้วกลิ่นคือติดตัวนานมากด้วย ออกไหนก็เกรงใจคนเดินผ่าน ส่วนยานวดตัวอื่นที่เคยใช้ ก็ร้อนแรงจนบางทีปวดแสบปวดร้อน เนื้อครีมเหนียวเหนอะหนา ล้างออกยาก

 และนี่คือสิ่งที่ได้หลังจากทายาและประคบร้อนในวันที่3

แผลจากที่ตรงกลางบวมเป็นลูกมะนาว ยุบลง ผิวที่ช้ำจนเป็นสีแดง (รอบนอก)เริ่มสีจางลงอย่างเห็นได้ชัด

 เข้าวันที่5 เราไม่ได้ถ่าสยรูปไว้ เลยไม่มีให้เปรียบเทียบ

 แต่หากนับตั้งแต่วันที่โดน ถือว่าโอเคมากสำหรับเรา เพราะนอกจากคุณสมบัติที่บอกมาข้างต้นแล้วว่า กลิ่นไม่รุนแรงความแสบร้อนก็ไม่รู้สึกแล้ว ยังสามารถทำให้ แผลฟกช้ำที่เราคิดว่า หนักหนามากในชีวิตเท่าที่เคยประสบมา จางลงอย่างชัดเจน

 และนี่คือวันที่6ผลที่ได้ จากการรักษา หากนับรวมกับวันแรกที่ได้แผลมา

 รวมแล้ว การรักษาแผลฟกช้ำ

 ด้วยการประคบร้อนและทายาNanovech Pain Relief Gel  

 ใช้เวลาเพียง7วัน อาการปวด รอยฟกช้ำเกือบหายเป็นปกติ ตามภาพเลยจ้า

 ส่วนในเรื่องของการคลายกล้ามเนื้อ การปวดร้าวลงขาของเรา

 แล้วถือว่าช่วยให้ดี เนื่องจาก กลิ่นดี ครีมไม่ร้อนแรง ซึมเร็ว

 ทิ้งไว้เพียงความอุ่นแบบวอมๆไว้

 พอรวมๆกันความรู้สึกดีเกิด ความผ่อนคลายเกิด อาการตึงมันก็หายไป

 ไม่ต้องง้อแฟนให้นวดเลยจ้า อิอิ++

แต่!จะว่าไป ถ้าหาวิธีดูแลให้เร็วกว่านี้ แผลเราคงจะไม่ช้ำขนาดนี้เนอะ

 แต่ไม่เป็นไร

 ถ้าหากใครกำลังมีปัญหาฟกช้ำอยู่ ก็ลองทำตามวิธีของเราดูได้จ้า

 ที่้สำคัญต้องรีบดูแลอย่าปล่อยให้แผลเกิดรอยช้ำ

 หรือเกิดการบวมแล้วค่อยรักษา นะ ไม่งั้นขาไม่สวยหลายวันไปเลย